ชุมชนหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวพัฒนา อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี

ชุมชนหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวพัฒนา อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี

 

บริบทชุมชน

           ชุมชนหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวพัฒนา แต่เดิมบริเวณที่ตั้งของชุมชนเป็นพื้นที่ราบลุ่มเป็นทุ่งนา และมีต้นมะพร้าวขึ้นอยู่ปลายทุ่งนา มีชาวบ้านมาตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนที่หัวทุ่งและปลายนาประมาณ 10 หลังคาเรือน ซึ่งปัจจุบันมีบ้านเรือนเกิดขึ้นมากขึ้น จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 100 ปีเศษ ชาวบ้านที่มาตั้งถิ่นฐานอยู่หัวทุ่งนาและปลายทุ่งนาซึ่งมีต้นมะพร้าวอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเรียกหมู่บ้านนี้ว่า หมู่บ้านหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าว จนเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เทศบาลตำบลท่ายางได้จัดแยกบ้านหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวเป็นอีกหนึ่งชุมชนแยกจากบ้านหนองแขม เป็นชุมชนหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวพัฒนา มีประธานชุมชน คือ นายบรรจบ ศรีสวัสดิ์

 

 

   

 

    

 

ปัญหา/ความต้องการ

        จุดเริ่มต้นของการเป็นชุมชนจัดการขยะ ของชุมชนหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวพัฒนา มาจาก แต่เดิมนั้นในชุมชนมีการรวมกลุ่มเยาวชน ชื่อว่า กลุ่มมหิงสาสายสืบ โดยมีวัตถุประสงค์ของการรวมกลุ่มเพื่อสำรวจและศึกษาระบบนิเวศสภาพแวดล้อมในชุมชน โดยมี นางจันทร์ทิมา ปิ่นหิรัญ (ป้าเหน่ง) เป็นแกนนำสำคัญให้ความรู้แก่เด็ก ๆ เมื่อมีการทำกิจกรรมต่าง ๆ เริ่มมีค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรม เช่น ค่าอาหาร เครื่องดื่มแก่เด็ก ๆ ที่มีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้น ป้าเหน่งจึงปรึกษากับเด็ก ๆ ว่าจะหาเงินจากไหนได้บ้าง จึงเห็นว่าในชุมชนมีขยะจำพวกพลาสติกจำนวนมาก จึงชวนกันกับเด็ก ๆ ไปเก็บขวดพลาสติกและขยะที่รีไซเคิลได้ตามถังขยะในชุมชนไปขายเพื่อนำเงินมาเป็นส่วนกลางจ่ายค่าอาหารแก่เด็ก ๆ เมื่อมีเงินเหลือจึงแจกจ่ายให้เด็ก ๆ เก็บไว้เป็นเงินออมของตนเอง และได้ดำเนินการเรื่อยมา ต่อมาเด็ก ๆ ไม่อยากนำเงินกลับบ้านจึงฝากไว้กับป้าเหน่ง ป้าเหน่งจึงปรึกษากับคนในชุมชนเพื่อร่วมกันหาวีการออมเงินให้เด็ก ๆ ซึ่งคนในชุมชนมีแนวทางเดียวกันว่า จะก่อตั้งธนาคารขยะชุมชน เพื่อเป็นแหล่งออมเงินของคนในชุมชน และนี่คือจุดเริ่มต้นของการเป็นชุมชนจัดการขยะเรื่อยมา ประกอบกับชุมชนเป็นชุมชนเมืองกึ่งชนบทการเก็บขยะของเทศบาลจะไม่ได้มาจัดเก็บทุกวันส่งผลในเรื่องของขยะล้นถัง ส่งกลิ่นเหม็น และเนื่องจากภายในชุมชนมีการเลี้ยงสัตว์ ได้แก่ วัวลาน จึงทำให้มีมูลสัตว์ในชุมชนจำนวนมาก ส่งกลิ่นเหม็นและสร้างความไม่สวยงามในชุมชน คณะกรรมการชุมชนจึงได้คิดที่จะหาแนวทางในการจัดการขยะโดยตนเอง

 

การดำเนินงานการจัดการขยะมูลฝอยของชุมชนปลอดขยะโดยใช้หลัก 3Rs

1. ทำแผนการดำเนินโครงการจัดการขยะ

         ชุมชนหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวพัฒนา มีการจัดทำแผนการดำเนินโครงการจัดการขยะภายในชุมชนที่จะดำเนินการภายใน 3 ปี (2558-2560) ดังนี้                                                               

 

         ปี 2558                                                                                  

                  1. จัดทำข้อตกลงและความร่วมมือในการพัฒนาหมู่บ้านต้นแบบการบริหารจัดการขยะภายในชุมชน

                  2. จัดทำแผนพัฒนาหมู่บ้านต้นแบบการบริหารจัดการขยะภายในชุมชน

                  3. ส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพชุมชนในการจัดการขยะมูลฝอยภายในชุมชนอย่างครบวงจร  

 

         ปี 2559

                  1. ขับเคลื่อนแผนพัฒนาหมู่บ้านต้นแบบการบริหารจัดการขยะภายในชุมชนโดยการจัดการขยะมูลฝอยภายในชุมชนอย่างครบวงจร

 

         ปี 2560                                                   

                  1. จัดตั้งศูนย์เรียนรู้/กลุ่มอาสาสมัคร/ชมรม ในการจัดการขยะมูลฝอยภายในชุมชน         

 

       

 

                               แผนการดำเนินการจัดการขยะในชุมชน

อัตลักษณ์        “ทิ้ง คัดแยก จัดการ คืองานขยะของชุมชน”

เอกลักษณ์       “ชุมชนสะอาด ปราศจากขยะ”

วิสัยทัศน์         “ชุมชนหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวพัฒนา จะเป็นแหล่งศึกษาดูงานด้านการจัดการขยะภายในปี 2560”

พันธกิจ

         1. มีการจัดการขยะแต่ละประเภทอย่างเป็นระบบและถูกวิธี

         2. ส่งเสริมการใช้ประโยชน์และเก็บออมขยะพร้อมสร้างมูลค่าเพิ่ม

         3. ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนและเยาวชนในท้องถิ่นเกี่ยวกับการจัดการขยะ

 

เป้าหมายการดำเนินการ

         1. มีจำนวนสมาชิกธนาคาขยะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10 ต่อปี

         2. มีการขยายผลสู่โรงเรียน จำนวน 2  โรงเรียน     

 

ผลสำเร็จของการดำเนินงานชุมชนปลอดขยะ

         1. ความรู้ ความเข้าใจ ความมีวินัย และจิตสำนึกในการดำเนินกิจกรรมการจัดการขยะมูลฝอยของชุมชน

         คณะทำงานโครงการจัดการขยะชุมชนหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวพัฒนา และ คนในชุมชน มีความรู้ความเข้าใจด้านการจัดการขยะเป็นอย่างดี จากดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ร่วมกันคิด ร่วมกันวางแผนดำเนินการร่วมกันสำรวจเก็บข้อมูล เข้าร่วมการอบรมให้ความรู้ด้านการจัดการขยะ จากหน่วยงานต่าง ๆ จากการศึกษาดูงานชุมชนต้นแบบการจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และจากประสบการณ์ที่ได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองอย่าจริงจังและต่อเนื่อง จนสามารถเป็นวิทยากร เป็นแกนนำ เป็นต้นแบบขยายผลไปยังชุมชนอื่น สามารถถ่ายทอดความรู้ได้

 

   

 

         2. ปริมาณขยะมูลฝอยที่ลดลง

         ในช่วงของการเริ่มเข้าสู่โครงการชุมชนปลอดขยะ ได้มีการสำรวจปริมาณขยะในชุมชน พบว่าปริมาณขยะในชุมชนทุกประเภทมีปริมาณมาก ไม่มีการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี เกิดปัญหาถังขยะล้น หน้าบ้านไม่น่ามอง ไม่เป็นระเบียบ ไม่มีแหล่งและจุดรวมขยะเป็นที่เป็นทาง ใครอยากทิ้งตรงไหนก็ทิ้ง ในปี 2557 ปริมาณขยะเฉลี่ยทั้งหมด 325 กิโลกรัมต่อวัน

        และเมื่อได้เริ่มเข้าสู่โครงการชุมชนปลอดขยะ ได้มีการดำเนินการจัดการขยะในชุมชน พบว่า ครัวเรือนมีการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี มีการจัดระเบียบหมู่บ้านและชุมชนเป็นระเบียบเรียบร้อย น่าอยู่น่ามอง และปริมาณขยะก็ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2560 ปริมาณขยะลดลง คิดเป็นร้อยละ 84.46 จากปี 2557 รายละเอียดตามตาราง

 

         จากตารางแสดงให้เห็นว่าปริมาณขยะมูลฝอยในชุมชน ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2557-2560 โดยขยะที่มีปริมาณมากที่สุด คือ ขยะอินทรีย์ รองลงมาคือ ขยะรีไซเคิล ขยะทั่วไป และขยะอันตราย ตามลำดับ

 

      

 

3. การเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน

         กิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการมีความรู้และความเข้าใจในการจัดการขยะอย่างชัดเจนคือ สามารถถ่ายทอดความสู่ผู้อื่นได้ โดยการเป็นวิทยากรให้ความรู้แก่ผู้อื่น มีความสามารถในการถ่ายทอดและนำเสนอ มีการจัดทำฐานการเรียนรู้การจัดการขยะอย่างครบวงจรในชุมชน รวมถึงมีการนำเสนอภูมิปัญญาของชุมชน ปราชญ์ชุมชน

         การนำเสนอความรู้ประสบการณ์ของชุมชนโดยที่ไม่ลืมสอดแทรก วัฒนธรรม ประเพณีของชุมชน ไม่ว่าจะเป็นการละเล่น อาหาร ความเป็นอยู่ โดยเฉพาะการละเล่นแห่เรือบกที่เป็นวัฒนธรรมการละเล่นที่ชุมชนอนุรักษ์

         คณะทำงานโครงการจัดการขยะชุมชนหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวพัฒนา และ คนในชุมชน มีศักยภาพในการถ่ายทอดกระบวนการการจัดการขยะ มีความรู้ความเข้าใจด้านการจัดการขยะเป็นอย่างดี  จากประสบการณ์ที่ได้ลงมือปฏิบัติด้วยตนเองอย่าจริงจังและต่อเนื่อง จนสามารถเป็นวิทยากร เป็นแกนนำ เป็นต้นแบบขยายผลไปยังชุมชนอื่น สามารถถ่ายทอดความรู้ได้ ได้รับการรับรองจากหน่วยงานต่าง ๆ

ชุมชนหัวทุ่ง-ทุ่งพร้าวพัฒนามีแหล่งเรียนรู้ชุมชนปลอดขยะ ที่มีประสิทธิภาพมีความพร้อมในการเป็นแหล่งเรียนรู้ โดยเป็นฐานการศึกษาดูงานรวมทั้งการอนุรักษ์วัฒนธรรมประเพณีในชุมชน แบ่งเป็นฐานและเครือข่ายคณะกรรมการโครงการเป็นผู้ดูแลและเป็นวิทยากรประจำฐานการเรียนรู้ ดังนี้

         ฐานที่ 1 ฐานเรียนรู้น้ำหมักชีวภาพ 7 รส

         ฐานที่ 2 พลังงานชีวมวล

         ฐานที่ 3 ธนาคารใบไม้

         ฐานที่ 4 ร้านค้า no plastic no foam 

         ฐานที่ 5 สิ่งประดิษฐ์จากขยะทั่วไป

         ฐานที่ 6 น้ำยาเอนกประสงค์

         ฐานที่ 7  เหนื่อยนัก พักก่อน

         ฐานที่ 8 ธนาคารขยะรีไซเคิล

 

      

 

   

 

 

คณะทำงาน

         1. อาจารย์แสนประเสริฐ  ปานเนียม        ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

         2. อาจารย์ ดร.พัชรินทร์ สุริยวงค์           รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

         3. นางสาวศศิวิมล         กาหลง            เจ้าหน้าที่สถาบันวิจัยและส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม